ในระหว่างที่คนเมืองกำลังเจอกับปัญหาการบริโภคที่มากเกินความจำเป็น จนเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน เบาหวาน ความดัน และอีก ฯลฯ เวลาเดียวกันนี้ผลสำรวจรายงานของยูเอ็นล่าสุดพบว่า ในปี 2561 ยังมีประชาชนทั่วโลกอดอยากกว่า 821 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
รายงาน ความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการโลก ซึ่งจัดทำโดย องค์การอาหารและเกษตรกรรมแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) และหน่วยงานอื่นๆ พบว่า หลังจากตัวเลขภาวะทุพโภชนาการลดลงมาหลายสิบปี แต่เมื่อปี 2558 เป็นต้นมากลับมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และสาเหตุส่วนใหญ่มากจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสงครามที่ทำให้ปริมาณและการกระจายอาหารลดต่ำลง
รายงานบอกว่า ความพยายามทำให้โลกปลอดจากผู้อดอยากหิวโหยยังเป็นความท้าทายใหญ่ เนื่องจากตัวเลขประชาชนที่ไม่มีอาหารรับประทานเพียงพอเพิ่มขึ้นจาก 811 ล้านคนในปี 2560 เป็นกว่า 821 ล้านคนในปี 2561
เดวิด บีสลีย์ ประธานโครงการอาหารโลกของยูเอ็น หน่วยงานผู้เขียนรายงานยืนยันว่า โลกไม่มีทางบรรลุเป้าหมายไร้คนอดอยากภายในปี 2573 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ และนี่คือแนวโน้มอันเลวร้าย เพราะถ้าไม่มีความมั่นคงด้านอาหาร เราไม่มีทางมีสันติภาพและความมั่นคงได้เลย
“กลุ่มสุดโต่งใช้ความหิวโหยและควบคุมปริมาณอาหารสำรอง เป็นเครื่องมือแบ่งแยกประชาชนหรือสรรหาสมาชิกใหม่ และเพื่อคุ้มครองความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการ จำต้องมีนโยบายเศรษฐกิจและสังคม เพื่อแก้ไขผลกระทบอันเกิดจากวัฏจักรเศรษฐกิจด้านลบ โดยไม่จำเป็นต้องตัดบริการที่จำเป็นลง เช่น การดูแลสุขภาพ การศึกษา” ประธานโครงการอาหารโลกเตือนเอ่ยปากเตือน
รายงานจึงเสนอด้วยว่า สังคมโลกจำเป็นต้องมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ครอบคลุมถึงประชาชนกลุ่มยากจนที่สุดในโลก โดยความพยายามลดความยากจนนั้นจะต้องบูรณาการความมั่นคงด้านอาหารและข้อกังวลเรื่องโภชนาการเข้าไปด้วย ควบคู่ไปกับแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ การเบียดขับกลุ่มสังคมบางกลุ่มออกไป
“เมื่อพิจารณาในแง่ตัวเลข สภาพทุพโภชนาการยังกระจายอยู่ทั่วแอฟริกา ประชากรราว 20% อดอยาก ส่วนในเอเชียตัวเลขอยู่ที่กว่า 12% ในละตินอเมริกาและแคริบเบียนไม่ถึง 7% อเมริกาเหนือและยุโรป 8%”
ยิ่งความอดอยากเพิ่มขึ้น ประชากรซึ่งเป็นผู้หญิงยิ่งได้รับผลกระทบหนัก ผลร้ายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศ รวมถึงความขัดแย้งบั่นทอนความก้าวหน้าที่ดำเนินมาหลายปี
โรบิน วิลลาฟบี ประธานฝ่ายนโยบายอาหารและอากาศ องค์กรการกุศลออกซ์แฟม กล่าวเสริมว่า หากเราต้องการบรรลุเป้าหมายยุติความอดอยากให้ได้ภายในปี 2573 รัฐบาลต้องเร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนการเกษตรขนาดเล็กให้มากขึ้น และเพิ่มความพยายามยุติความขัดแย้งรุนแรง
เพราะต้องไม่ลืมว่า ผลกระทบที่ว่านี้เกิดขึ้นกับเด็กๆ และขณะนี้ทั่วโลกมีเด็กเติบโตช้าเพราะความอดอยากราว 149 ล้านคน แต่เวลาเดียวกันโรคอ้วนและน้ำหนักเกินก็เพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคและมันเป็นอะไรที่ดูขัดแย้งกันมาก
เรียบเรียง: Bottom line
ภาพ: Shutterstock
ทำอย่างไรให้ประชากรกว่า 821 ล้านคนได้มีอาหารที่เพียงพอคือปัญหาของประชาคมโลก