แดดร้อน รถติด เปลืองน้ำมัน ใช้เวลานาน แม่ดุ๊ดุ หรือกว่าจะเลือกต้นไม้เสร็จก็ปาไปจนเย็น ไม่ทันได้ใช้เวลาในวันหยุดกับสิ่งอื่นๆ ก็วนมาถึงวันจันทร์อีกแล้ว
ความเจ็บปวดของคนเมืองที่มีข้อจำกัดมากมาย ทำให้ต้นไม้ห่างไกลออกไปจากชีวิตของคนเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นจุดเริ่มไอเดีย ตู้ขายต้นไม้อัตโนมัติ 24 ชั่วโมง ธุรกิจขายต้นไม้แนวใหม่ที่ทำให้การปลูกต้นไม้เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน
กฤษนะ รัตนพัฒน์ Founder Green up และ พัณณิตา ศิลป์ฟ้าพานิช Co-founder Green up ผันตัวจากคนขายต้นไม้ออนไลน์ผู้คลั่งไคล้การปลูกต้นไม้ สู่การเป็นเจ้าของ “Green up” ธุรกิจตู้ขายต้นไม้อัตโนมัติ 24 ชั่วโมงเจ้าแรกในไทย ในคอนเซปปลูกๆ ไปเหอะ!
แนวคิดเชื่อมป่าสู่เมือง
จุดเริ่มต้นของไอเดียตู้ขายต้นไม้อัตโนมัติ เกิดขึ้นจากที่ทั้งคู่เป็นคนรักต้นไม้ อยากเพิ่มปริมาณต้นไม้ในเมือง และทุกๆ พื้นที่ จึงหาวิธีที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงร้านขายต้นไม้ได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะคนเมืองที่มีโอกาสได้พบกับธรรมชาติได้น้อยกว่าชนบท
“อยากเอาธรรมชาติมาอยู่ใกล้คนมากขึ้น ทุกวันนี้คนโหยหาธรรมชาติ และคิดว่าจะช่วยปลูกฝังนิสัยรัก(ษ์)สิ่งแวดล้อมให้กับเด็กๆ ได้”
แต่การขายต้นไม้จากแม่ค้าหรือพ่อค้าอาจธรรมดาเกินกว่าจะดึงดูดให้ลูกค้าควักเงินออกจากกระเป๋า จึงพลิกแพลงร้านเป็นตู้ขายต้นไม้ หน้าตาคล้ายกับตู้หนังสือมีช่องใส่ต้นไม้เล็กใหญ่ตั้งแต่ 12-38 ต้น เริ่มนำร่องที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และศูนย์การค้าอีก 7 แห่งทั่วกรุง
พันธุ์ไม้ส่วนใหญ่ที่คัดเลือกมาไว้ในตู้ ล้วนเป็นต้นไม้ที่ค่อนข้างทนต่อสภาวะแวดล้อม เลี้ยงง่าย เหมาะกับมือใหม่หัดปลูก โดยในละวันจะมีทีมงานมารดน้ำพรวนดินทุกวัน หมดกังวลเรื่องต้นไม้แห้งเหี่ยวตาย
ต้นไม้ชนิดต่างๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาให้ลูกค้าได้เลือกสรร ในกระถางหลากรูปทรงจากวัสดุที่ไม่ทำลายโลก และเหมาะสำหรับการวางตกแต่งภายในห้องที่มีพื้นที่จำกัด พร้อมแถมถุงกระดาษให้ฟรีๆ อำนวยความสะดวกให้หิ้วขึ้นรถไฟฟ้า หรือให้เป็นของขวัญในวันสำคัญต่างๆ ได้เช่นกัน
“ให้ต้นไม้เป็นของขวัญ ค่อยๆ ปลูกให้เติบโตงอกงามไปพร้อมกับความสัมพันธ์”
ทำไมต้องเป็นตู้อัตโนมัติ?
“เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถทำให้เทคโนโลยี และธรรมชาติให้เจริญขึ้นควบคู่กันได้”
ตู้ต้นไม้อัตโนมัติใช้พลังงานไฟฟ้าเทียบเท่ากับคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง และใช้ระบบ “แชทบอท (Chatbot)” ที่มีบริการตอบอัตโนมัติผ่านห้องแชทเฟซบุ๊กเพื่อลดต้นทุนในการใช้ทรัพยกากรมนุษย์ในการขาย เปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือกชมต้นไม้ได้นานเท่าที่ใจต้องการ โดยจ่ายเงินค่าต้นไม้แบบอัตโนมัติที่สามารถใช้ได้ทั้งเงินสด และชำระผ่าน QR Code ได้ สนับสนุนให้เกิดสังคมไร้เงินสดได้ในทางอ้อม
ปลูกแล้วต้องรอด!
ความพิเศษของตู้ขายต้นไม้อีกหนึ่งข้อ คือบริการหลังการขายที่เคลมว่าให้สามารถรับบริการได้ตลอดอายุขัยของต้นไม้ โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าสอบถามวิธีการดูแลต้นไม้ ขั้นตอนในการปลูก หรือรายละเอียดเกี่ยวกับต้นไม้แบบต้นต่อต้น ฯลฯ เพื่อให้ลูกค้าทุกคน โดยเฉพาะมือใหม่หัดปลูก มั่นใจว่าต้นไม้ที่ลูกค้าซื้อไปจะสามารถเติบโตงอกงามได้อย่างที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้ สำหรับคนที่อยากปลูกต้นไม้กะทันหัน หรือลูกค้าที่ไม่ใช้สายชอปปิงในห้างสรรพสินค้า ไม่สะดวกเดินทางมาที่ตู้ขายต้นไม้ได้ด้วยตัวเอง สามารถสั่งต้นไม้ผ่านบริการเดลิเวอรี่ได้ผ่านทางเฟซบุ๊กได้เช่นกัน
พัณณิตา มองว่า “ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากทุกเพศทุกวัย คาดว่าเป็นธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะคนเมืองต้องการธรรมชาติ บริการนี้จรรโลงใจ และทำให้เรามีโอกาสพักผ่อนได้ท่ามกลางความวุ่นวาย”
ตู้ขายต้นไม้อัตโนมัติ ธุรกิจที่ผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่และธรรมชาติ เติมเต็มช่องว่างความโหยหาธรรมชาติของคนกรุง